ทีมอิตาลีตกรอบ

ทีมอิตาลีตกรอบ พลาดลุ้นแชมป์ฟุตบอลโลก กลายเป็นเรื่องที่ฮือฮาของแฟนบอล

ทีมอิตาลีตกรอบ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ทีมจากนอร์ธมาซิโดเนีย เขี่ยพวกเขาตกรอบ ข่าวนี้ทำเอาบรรดาแฟน ๆ บอลฮือฮากันทั้งโลก

 

ทีมอิตาลีตกรอบ การที่ทีมใหญ่จะพ่าย ให้กับทีมเล็กนั้น เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ทุกคนคิดว่าไม่ควร เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะว่า ทีมอิตาลี ได้เปรียบกว่าทุกอย่าง สำหรับการแข่งขันนี้ ซึ่งมีโอกาสที่จะ ทำประตูมากกว่า 28 ครั้ง เทียบกับทางฝั่งมาซิโดเนียมีโอกาสแค่ 8 ครั้ง

นักข่าวของอังกฤษ รวมถึงแฟนบอล ทีมชาติอังกฤษ ได้แสดงออกว่าดีใจ และเยาะเย้ยทาง อิตาลี กันยกใหญ่ สาเหตุมาจากที่ยังแค้น ที่เคยพ่ายให้กับทีมชาติอิตาลี ทำให้ชวดแชมป์ยูโรในกลางปี 2020

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นเรื่องใหญ่เมื่อ ทีมอิตาลีตกรอบ เพราะว่ามีประเด็นอยู่ 2 เรื่อง ก็คือเรื่องแรก อิตาลี เป็นทีมใหญ่ใน วงการฟุตบอลโลก อีกทั้งยัง เพิ่งคว้าแชมป์ยูโรเมื่อไม่นานนี้

ทีมอิตาลีตกรอบ

ส่วนอีกเรื่อง ทางทีมอิตาลี ไม่มีโอกาสเข้ารอบ ไปแข่ง ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมา 2 สมัยติดแล้ว ซึ่งตอนนั้นพ่ายให้กับรัสเซีย และกาตาร์ ซึ่งรอบคัดเลือกในครั้งนี้ นั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่ ความเฉียบคมของเกม ก่อนหน้านั้นที่ไม่เคยแพ้ ทีมไหนในรอบคัดเลือก มีแต่เสมอที่บ่อยครั้ง

ถือได้ว่าไม่มีการแข่งขันใด ทีมอิตาลีตกรอบ ที่เล่นไม่ดีกว่าคู่แข่ง แต่ว่าเกมค่อนข้างยืดเยื้อ พอหลุดมารอบคัดเลือก ก็ไล่บี้มาซิโดเนียอยู่ฝ่ายเดียว แต่กลับทำประตูไม่ได้ สุดท้ายกลับโดนยิงประตู ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ร่วงจากชั้นอย่างง่ายดาย

ถือว่าอิตาลีไม่ใช่ ทีมใหญ่ทีมแรก ที่พลาดผ่านด่านเข้าไปแข่ง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทีมระดับโลกหลาย ๆ ประเทศ ต่างก็เจอมาแล้วทั้งนั้น พอกล่าวถึงฮอลแลนด์

เรียกได้ว่าทีมใหญ่ ทีมอิตาลีตกรอบ ที่พลาด สะดุดไม่ได้ลงแข่งขัน ทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้าย เยอะกว่าทั้งหมดที่กล่าวมา ทีมฮอลแลนด์พลาดโอกาสลุ้นยูโร 2015 และบอลโลก 2017 ถือว่าได้พลาดการแข่งขันใหญ่ รอบสุดท้าย 7 ปีติดต่อกัน

และเมื่อปี 2000 ทีมฮอลแลนด์นั้นไม่สามารถ ฝ่าด่านไปแข่งฟุตบอลโลกที่เกาหลีได้ จึงถือว่าไม่ได้เป็นครั้งแรกแน่นอน หากย้อนกลับไปจะเห็นว่า ทีมฮอลแลนด์ มีชื่อเสียงและเป็นที่จับตามองขึ้นมา ในสมัยปลาย 60s จนถึง 70s

เพราะมีการเอาวิธีคิด และแผนการสร้างทีม ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่จาก รินุส มิเชลส์ รวมถึงการเล่นในสนามจาก โยฮัน ครัยฟ์ ที่ได้แนวทางมาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ทีมฮอลแลนด์ เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1936 หลังจากนั้นก็ห่างมาจนในปี 1972 สามารถคว้ารองแชมป์มาได้ ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับ ทีมชาติเยอรมัน ตะวันตก อย่างน่าเสียดาย มาในปี 1976 ทีมฮอลแลนด์

เรียกได้ว่าเป็นชาติมหาอำนาจ ในสมัยนั้น ฟุตบอลฮอลแลนด์ อยู่ในจุดที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสร หรือทีมชาติ พวกเขามีโอกาสกลับไป ในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายให้กับ ทีมอาร์เจนติน่าไป อย่างน่าเสียดาย ทำให้ได้ตำแหน่งรองแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกัน

ทีมอิตาลีตกรอบ อย่างไรก็ตาม ทางทีมยังมีความหวัง ที่มีโอกาสชิงแชมป์โลกในปี 1980 ซึ่ง ทีมชาติสเปน ประเทศสเปนคือเจ้าภาพ แต่เกมกลับผิดคลาด ฮอลแลนด์ ไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้

ทีมอิตาลีตกรอบ

 

ซึ่งไม่ใช่แค่ปี 1980 เพราะ 4 ปีหลังจากนั้น ฟุตบอลโลกที่เม็กซิโกในปี 1984 ทีมฮอลแลนด์ก็ยังคงพลาด ไปสู่รอบชิงชนะเลิศ ถือได้ว่าพลาดในการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้งติดต่อกัน

เช่นเดียวกับที่อิตาลี เส้นทางฟุตบอลของอิตาลีในช่วง 10 ปีหลังได้ แชมป์โลก 2004 พูดได้ว่าเป็นช่วงขาลง นักเตะระดับตำนานอายุมากขึ้น ส่วนนักเตะรุ่นใหม่ ๆ ฝีเท้ายังเก่งเทียบรุ่นเก่า เหล่านักเตะยังคงใช้ความชำนาญ

และความเก๋า ของเกมในระดับโลก สามารถเอาตัวรอดมาได้เรื่อย ๆ และสามารถสร้างผลงานในยูโร 2010 กับ ยูโร 2014 หากพูดถึงภาพรวมตั้งแต่10 ปีที่ผ่านมา ยังไม่น่าพอใจนัก

การเข้ามาของ โรแบร์โต้ มันชินี่ มีนักเตะหลายคน ที่เริ่มจะฉายแวว อีกทั้งยังมี มันโช่ ที่เข้ามาทำทีมรูปแบบใหม่ ทีมอิตาลี จากที่หลายคนคุ้นเคย คือเปลี่ยนการเดินเกมแบบ passive มาเป็นแบบ active กลับกลายมาเป็นฝ่ายไล่บีบ และฝ่ายรุกคู่แข่ง ไม่ได้เป็นการโต้กลับเดิม ๆ

แต่ก็เป็นที่น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าทางเทคนิคจะได้ผล มีเสียงชื่นชมไปทั่ว แต่ว่าศักยภาพนักเตะบางตำแหน่ง ก็ยังคงออกมาไม่ดี โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหน้า หน้าที่คนทำคะแนนของอิตาลี ขาดแคลนมานานหลายปีแล้ว

ทีมฮอลแลนด์ ได้จัดอันดับในรอบคัดเลือกกลุ่ม 2 ประกอบไปด้วย เบลเยี่ยม, ทีมชาติฝรั่งเศส , ไอร์แลนด์ และไซปรัส ซึ่งในตอนนั้น นักเตะระดับตำนานยุค 70s ได้อำลาทีมชาติไปหลายคน

ซึ่งทีมฮอลแลนด์ ปิดฉากด้วยอันดับ 4 ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย การแข่งขันเกมสุดท้าย ของฮอลแลนด์ นั้นเป็นการพบกับฝรั่งเศส ซึ่งมีโอกาสที่จะลุ้นในการเข้ารอบได้ ถ้าเป็นฝ่ายที่เอาชนะได้

แต่ ข่าวกีฬาฟุตบอล ทีมฮอลแลนด์ก็พ่ายให้ฝรั่งเศสไป 0-2 ซึ่งเป็นการยิงประตูของ มิเชล พลาตินี่ และ ดิดิเย่ร์ ซิกซ์ พอจบเกมรอบคัดเลือกในครั้งนั้น ก็มีนักเตะอำลาทีมชาติไปอีก อย่าง โยฮัน นีสเก้น มิดฟิลด์ที่เป็นเพื่อนซี้ โยฮัน ครัยฟ์, จอนนี่ เร็ป กองหน้าระดับตำนาน

ในเวลาต่อมา รุด โครล รับหน้าที่เป็นกองหลัง ที่พ่วงตำแหน่งกัปตันทีม ก็ได้อำลาไปอีกคน จึงทำให้ทีมฮอลแลนด์ เข้าร่วมการแข่งขันรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1984 ด้วยทีมที่มีแต่คนรุ่นใหม่

ทีมอิตาลีตกรอบ

ซึ่งนักเตะพรสวรรค์ แต่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้ โควต้าทางฝั่งยุโรป ได้มีการปรับเปลี่ยนจาก 14 ทีม เหลือเพียง 12 ทีม ซึ่งถือได้ว่าความเป็นไปได้ ของฮอลแลนด์มีมากขึ้น เนื่องจากอยู่ในกลุ่ม 5 ที่ประกอบไปด้วย ฮังการี, ออสเตรีย และ ไซปรัส

ทีมฮอลแลนด์ พลาดการเข้าแข่งขัน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งติดต่อกัน ก็คือเมื่อปี 1980 และ 1984 ซึ่งนั่นไม่ได้แปลว่า เป็นทีมที่มีเกมการเล่นที่ไม่ดี หรืออยู่ในยุคตกต่ำซะทีเดียว เนื่องจากอีก 2 ปีหลังจากนั้น ในการแข่งขันยูโร 1986 นักเตะสายพันธุ์ใหม่ ที่นำทัพโดย รุด กุลลิท, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โค แวน บาสเท่น

สามารถพา ทีมชาติฮอลแลนด์ ชนะเลิศในเกมยูโรได้สำเร็จ ถือได้ว่าพวกเขา นั้นเป็นทีมที่น่าจับตามอง อีกทั้งยังมีผู้จัดการทีม รินุส มิเชลส์ เข้ามาควบคุม จึงทำให้เป็นยุคที่รุ่งเรือง ของทีมชาติฮอลแลนด์ จากที่ได้ก้าวผ่านความตกต่ำ และความผิดหวังมาถึง 2 ปี

อย่างไรก็ตาม การพลาดโอกาส เข้าแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ทีมชาตินั้นจะตกต่ำ เพราะดูจากภาพรวม ทีมอิตาลีชุดนี้ ถูกพัฒนาขึ้นมามากกว่าเดิม หาจะเปรียบกับเมื่อ 3-4 ปีก่อน

ขอแค่นักเตะหมั่นฝึกซ้อม และรักษามาตรฐาน รูปแบบการเดินเกมเช่นนี้เอาไว้ ข่าวฟุตบอล จะทำให้ ทีมอิตาลี กลับมา ประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง ในเร็ววันเช่นกัน @UFA-X10 

 

เรียบเรียงโดย อลิส