Chelsea

Chelsea กับการเปลี่ยนกุนซือมากกว่า 10 คน

Chelsea เหตุผลใด และทำไมอับราโมวิช ถึงต้องเปลี่ยน ผู้จัดการทีมบ่อย ๆ

Chelsea ทำไมสิงห์น้ำเงิน เปลี่ยนโค้ชบ่อย แต่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร วันนี้ พามาดูเรื่องราว ของทีมสิงห์น้ำเงินครับ  ในเรื่องของการเปลี่ยนกุนซือ แต่ก็ยังประสบความสำเร็จได้ เพราะอะไร และทำไมมาดูกันไม่ว่าจะเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง การเล่นของทีม ที่เน้นเกมรับเป็นหลัก

Carlo Ancelotti ที่พาทีมเป็นแชมป์ในปี 2010 หรือ อันเตียนีโอ คอนเต้ ที่เข้ามาสร้างทีม ในแบบฉบับของตัวเอง จบฤดูกาล 2017-2018 ด้วยการคว้าแชมป์แบบม้วนเดียวจบ ตามมาด้วยแชมป์เอฟเอคัพอีก 1 รายการ แต่ทั้ง 3 คนลงเอยเหมือนกันหมด ก็คือโดนปลดออกทำไม ! ?

โชเซ่ มูรินโญ่

ในวงการฟุตบอลหลาย ๆ คนมักจะพูดเอาไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด และทำให้ทีมเดินไปข้างหน้าได้มากที่สุด

แต่วลีนี้ใช่ไม่ได้กลับทีมนี้ครับเป็นที่รู้ ๆ กันของแฟนบอลครับว่า สโมสรนี้ เป็นสโมสรที่ใช้กุนซือได้เปลืองมาก ใช้แล้วทิ้งเหมือนทิชชู่ อะไรอย่างงั้น ยิ่งในยุคของ Roman Abramovich บางทีมาแปปเดียว อยู่ไม่ถึงปีก็ยังมี

เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนั้น มีอยู่หลายเหตุผลด้วยกันถึงแม้ กุนซือจะมีผลงานที่ดีก็ตาม !

และมีการรวบรวมค่าใช้จ่าย ในการใช้เป็นค่าชดเชย ให้กับบรรดา Coach ทั้งหลายถึง ณ ปัจจุบันนี้มากกว่า 170 ล้านปอนด์เข้าไปแล้ว แต่ที่สำคัญก็คือ ต่อให้เปลี่ยนแปลงเยอะขนาดไหน สิงห์บูลก็ยังเป็นทีม ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ถ้านับแต่ปี 2000 เป็นต้นมา

เป็นทีมได้โทรฟี่เยอะที่สุด อะไรคือเหตุผล ที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้ และได้พูดถึงในเชิงว่า ทีมนี้พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จก่อนอื่นเรามาพูดถึง ตัวละครแรก ที่สำคัญที่สุดก่อนเลย นั้นก็คือ โรมัน อับราโมวิช

ในปี ค.ศ.2003 เขาได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรสิงห์บูล เขามีความทะเยอทะยาน ที่อยากจะให้ทีมนั้น ประสบความสำเร็จ แต่หลาย ๆ คนมักจะมองว่า การที่เขาเข้ามาเทคโอเวออร์นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า การฟอกเงิน หรือแค่ว่าโรมันมองสิงห์บูล เป็นแค่ของเล่น ของพวกคนรวยเท่านั้น

แต่ไม่เลยชายคนนี้ เขาได้แสดงออกว่า เขานั้นต้องการแชมป์ในทุก ๆ ปี และนี่เองก็จุดเริ่มต้น ของการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ ของสิงห์บูล

claudio ranieri

คนแรกที่โดนเลย claudio ranieri ช่วงปี 2003-2004 เขาได้เข้ามา ในช่วงของความยิ่งใหญ่ ของสองทีมระหว่าง แมนยู-อาเซนอล สิ่งที่ บราโมวิช มองไว้คือ ทีมต้องมีนักเตะคุณภาพ และทุกคน ต้องสามารถลงทดแทนกันได้ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ตาม

และเราต้องมีผู้จัดการทีมที่ดี และเขาคิดว่าการที่จะแทรกกลาง ระหว่าง สองทีมนี้พวกเราต้องมี สองคุณสมบัติเหล่านี้ และผู้จัดการทีมคือ เรื่องใหญ่สำหรับเขาเมื่อผลงานของ ranieri จบลงที่ 2 ของตาราง ก็ถือว่าไม่ได้แย่นะครับ ปีนั้น ถือว่าลงทุนไปเยอะพอสมควรทั้ง โจโคล , เวรอน อาเดรียน มูตู และอีกหลายคน เพื่อยกระดับทีม

แต่ก็นั้นแหละครับ มันยังไม่เป็นที่พอใจของ อับราโมวิช ๆ นั้นเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจมาก หลาย ๆ คนก็บอกเขานะว่า บางทีมันก็ต้องรอ ถ้าให้โอกาส claudio ranieri อีกสักปีอะไร ๆ ก็คงจะดีขึ้น แต่ไม่ครับ อับราโมวิช ตัดสินใจปลด ranieri ออก และแต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ ขึ้นแทนในปี 2004-2007 และผลลัพธ์ ก็อย่างที่เราได้เห็นไป

เพียงฤดูกาลเดียว มูรินโญ่ นำพาทีมกลายเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมกับที่รอคอยแล้ว ก็เป็นเป้าหมายที่ชัดเจนมากสำหรับ โรมัน อับราโมวิช เป็นแชมป์ลีกสูงสุด ครั้งแรกในรอบ 50 ปีครับ เขากลายเป็นกุนซือ ที่มีสติที่ยอดเยี่ยม และเป็นคู่กัดที่ อเล็ก เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน แวงแกร์ ไม่เคยพบเจอมาก่อน

ซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียวนะครับ มันเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง  ถ้าคุณคิดว่าดีแล้ว แต่มันยังไม่ดีที่สุด หรือถ้าคุณคิดว่าผลงาน ในซีซั่นภาพรวมมันโอเคแล้ว แต่ไปไม่ถึงแชมป์ดีกับเกือบดีไม่ต่างกัน โดยสิ้นเชิงแล้วอบราโมวิช มักใช้ทุกการตัดสินใจ ของเขานั้นอย่างชัดเจนและเด็ดเดี่ยวคนต่อมา andre villas boas แม้ว่าจะพาทีม คว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2011 

ถึงแม้ อับราโมวิช ต้องศูนย์เสียเงิน จากการปลดกุนซือ และ เสียค่าชดเชยเขาก็ยอม

แต่เริ่มฤดูกลาลใหม่ ผลงานของเขา ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร รวมไปถึงปัญหาในห้องแต่งตัว ที่มักมีปากเสียง เรื่องของการไม่เคารพซึ่งกันและกัน อับราโมวิช ไม่รอช้าครับปลดในทันที ถึงแม้จะเสียค่าชดเชย มากถึง 13 ล้านปอนด์ก็ตามก่อนที่จะแต่งตั้ง roberto di matteo เข้ามาแทน และก็เป็นเขาคนนี้ ที่พาทีมไปคว้าเอาแชมป์ระดับยุโรปมาได้อย่าง ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก และก็ยังเป็นแชมป์ รายการ ที่พวกเขาโหยหามานานแล้ว

แต่ก็ไม่นานครับ แม้จะมีผลงาน ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก การันตีความสามารถของ di matteo แต่พอเริ่มฤดูกาลใหม่ปี 2012-2013 ผลงานก็กลับมาลุ่ม ๆ ดอน ๆ อีกแล้วเมื่อไปถึงช่วงกลาง Season di matteo ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งและแต่งตั้ง Rafael benitez เข้ามาสุดท้ายก็พาทีม เป็นแชมป์ยูโรป้าลีกได้ อย่างเคสล่าสุดก็คือ แฟรงค์แลมพาร์ดกับ Project ที่สร้างทีมยุคใหม่ในปี 2019

เชลซี

จบฤดูกาลแรก ไม่มีแชมป์ติดมือครับ ก่อนที่จะได้งบเสริมทัพมหาศาล ในฤดูกาล 2020-2021 ที่ผ่านมา ทว่ายิ่งเล่นก็ยิ่งแย่ครับ สุดท้าย อับราโมวิช ตัดสินใจปลดเช่นเดียวกัน ต่อให้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มานับสิบปีก็ตามแต่ เพราะแฟรงค์แลมพาร์ด ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะ ยุคเฟื่องฟูนับตั้งแต่ที่เข้ามาอับราโมวิชเข้ามาเทคโอเวอร์ฉันใดก็ฉันนั้นครับ ทุกอย่างล้วนอนิจจัง มันไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ และแน่นอน

ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ  และอาจจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นนั้นก็คือเช้าวันใหม่ เราคนใหม่คิดใหม่ทำใหม่ได้เสมอ กุนซือของทีมนั้นก็ถูกเปลี่ยนมาอยู่ตลอดแทบจะทุกปีเลยก็ว่าได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนั้น ย่อมนำมาสู่ความสำเร็จในที่สุดครับ